หน้าหลัก

     โรคภูมิแพ้

     หนังสือ     ผลิตภัณฑ์       แพทย์       แผนที่ Link

   www . allergyasthmathailand . com    
       
 

             

   
 

        

 
 

               แมลงสาบ…ศัตรูโรคภูมิแพ้

 
 

      

 
 

               แค่ชื่อเรื่อง ก็รู้สึกขยะแขยงแล้วใช่ไหมคะ
หมอนิตเองก็รู้สึกยังงั้นเหมือนกันค่ะ
               แมลงสาบนี่เป็นสัตว์ที่หมอนิตเกลียดที่สุดเชียวละค่ะ เกลียดยิ่งกว่างูเสียอีก
ยิ่งเจ้าตัวที่บินได้ด้วยละก้อ…...บรื๊อ
               งานปราบแมลงสาบ จึงเป็นงานที่ทำให้หมอใหญ่ สามี เป็นฮีโร่คนเดียวในบ้านเสมอมา
ที่ต้องปราบปรามแมลงสาบกันอย่างเข้มงวด นอกจากเพราะเกลียดมันเป็นการส่วนตัว
และเพราะมันเป็นพาหะนำโรคแล้ว ตัวหมอนิตเองยัง “แพ้”แมลงสาบอีกด้วยค่ะ
จึงไม่สามารถ และไม่สมควรอยู่ร่วมบ้านเดียวกันโดยเด็ดขาด
               มีรายงานทางการแพทย์มากมายที่ยืนยันว่า เศษโปรตีนจากแมลงสาบ มีสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการเกิดโรคหอบหืด และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ค่ะ ในรายที่แพ้แมลงสาบเข้าให้แล้ว เมื่อได้รับโปรตีนนี้เข้าไปซ้ำ จะทำให้อาการกำเริบอีกด้วยค่ะ
               แมลงสาบจึงเป็นสัตว์ไม่สมควรเลี้ยง ในบ้านที่มีคนป่วยโรคภูมิแพ้ทั้ง 2 โรคนั้นค่ะ
ไม่ว่าจะตั้งใจเลี้ยงหรือไม่ก็ตาม
               อย่างที่รู้ๆกัน แมลงสาบนี่กำจัดยากนักหนา บางแห่งกำจัดอย่างไรไม่ยอมหมด ไม่นานก็มาใหม่อีก น่าแปลกจริงๆ ทั้งที่บางบ้านก็ไม่เห็นว่าจะสกปรกนักนะคะ
ถ้าเราศึกษาธรรมชาติของมัน เราจะเข้าใจว่าทำไมมันกำจัดยากค่ะ

 
 

      

 
 

               มารู้จักแมลงสาบกันหน่อยค่ะ

 
 

               แมลงสาบจัดเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ อยู่คู่โลกมนุษย์มาแล้วกว่า 250 ล้านปี
เก่าแก่กว่าไดโนเสาร์เสียอีก ถ้ามันไม่แน่จริง ไม่อยู่ได้นานขนาดนี้หรอกค่ะ
               แมลงสาบในเมืองไทยที่เราเห็นๆกันนี่ เป็นตัวขนาดกลางเท่านั้นนะคะ พันธุ์ที่ตัวใหญ่
ที่สุดอยู่ที่ อเมริกาใต้โน่น ความกว้างวัดจากปีกข้างหนึ่งถึงปีกอีกข้างหนึ่ง ตั้ง 1 ฟุตเชียวนะคะ ลำตัวยาว ครึ่งฟุต ถ้ามันบินมาเกาะหมอนิต หมอนิตคงช็อคตาย
               แมลงสาบเป็นแมลง จึงมีขา 6 ขา แต่ละขามีขนยุบยับ ขนนี้มีไว้รับความรู้สึกสัมผัส
หนวดของมันที่กวัดไกวไปมา ทำหน้าที่ดมกลิ่น และรับรู้ความเคลื่อนไหว
นอกจากนี้ ตรงส่วนท้ายของลำตัวมัน มีขนอยู่ 1 คู่ เรียกว่า cerci ช่วยรับความรู้สึกเคลื่อนไหวด้วย
ว่ากันว่า แค่ลมหายใจเบาๆมันก็รับรู้ได้แล้ว มิน่า มันถึงรู้ตัวก่อนทุกทีเวลาเราจะตีมัน
แล้วแมลงสาบยังวิ่งได้เร็วถึง 3 ไมล์ต่อชั่วโมงอีกต่างหาก
               แมลงสาบจะลอกคราบปีละหลายครั้ง โดยลอกเอาเปลือกแข็งที่หุ้มรอบตัวมันออกเมื่อมันตัวโตคับเปลือก แล้วมันจะสร้างเปลือกใหม่ขึ้นมาแทน
เศษโปรตีนจากเปลือกมันนี้ก็เป็นสารก่อภูมิแพ้ค่ะ นอกเหนือไปจากโปรตีนที่หลุดจากตัวมัน ขามัน และอุจจาระของมันค่ะ
               เจ้าเศษโปรตีนที่ว่านี้มีขนาดเล็กมาก สามารถเกาะอยู่กับพื้น ผนัง และปลิวไปพร้อมกับฝุ่นได้ ดังนั้นถึงแม้เราไม่เห็นตัวมัน ก็อาจมีเศษโปรตีนที่ว่านี่อยู่รอบตัวเราได้ค่ะ ถ้าแถวๆนั้นมีแมลงสาบอยู่
               แมลงสาบจัดเป็นสัตว์ที่ทนอดได้เก่งมาก ในแต่ละวันมันต้องการน้ำเพียง 1 หยดเท่านั้นก็พอ และถ้าอดน้ำมันยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ 1 สัปดาห์
               ส่วนอาหารนั้นมันกินได้แทบทุกอย่าง เช่น เศษอาหาร เศษเล็บ เศษรังแค คราบน้ำมัน รอยเปรอะเปื้อนตามเสื้อผ้า ขนสัตว์ ซากสัตว์ที่ตายแล้ว รวมทั้งซากแมลงสาบของพวกมันกันเองด้วย แม้อดอาหารจริงๆ มันยังอยู่ได้ตั้งเกือบเดือนแน่ะค่ะ
มันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในทุกหนทุกแห่งที่อุณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส
แต่ที่ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ก็ยังพบแมลงสาบได้ มันมาอาศัยอยู่กับคนในบ้านไงคะ
ดินฟ้าอากาศที่มันชอบที่สุดคือ แบบร้อนชื้น อย่างประเทศไทย นี่แหละ…ชอบมาก
แหม เห็นข้อมูลแบบนี้เล่นเอาท้อแท้ มันทั้งทน ทั้งเก่ง เลยนี่คะ


วิธีการกำจัดมันให้สิ้นซากจึงไม่ใช่ง่ายๆ ต้องมีขบวนการดังนี้ค่ะ

 
 

        

 
 

               วิธีการกำจัดแมลงสาบ

 
 

               1.ตัดเสบียงอาหารของมัน
กวาด ถูบ้านหลังมื้ออาหาร โดยเฉพาะใต้โต๊ะอาหาร และในห้องครัว เพื่อกำจัดเศษอาหารที่อาจหล่นร่วงอยู่
อย่าเดินรับประทานอาหารเพราะเศษอาหารจะร่วงหล่นไปทั่วบ้าน
เก็บอาหารทั้งสดและสำเร็จรูปในภาชนะที่ปิดมิดชิด
ปิดฝาถังขยะให้แน่นเสมอ
ไม่ควรมีเศษอาหารเหลือตกค้างในถังขยะและที่ล้างจานโดยเฉพาะในเวลากลางคืน
ล้างจาน ชามด้วย สบู่และน้ำอุ่น เพื่อขจัดคราบมันที่อาจติดอยู่ให้มันมาเลียกินตอนเราเผลอ
ทำความสะอาดจานอาหารของสัตว์เลี้ยงหลังมื้ออาหารทุกมื้อ
เก็บกวาดใต้ตู้เย็น ใต้เตา ในตู้เก็บอาหารเสมอๆ


               2.ตัดแหล่งน้ำ
เพราะถ้าอดน้ำ มันจะตายไวกว่าอดอาหารนี่คะ เช่น
ซ่อมก๊อกน้ำที่รั่ว
อย่ารดน้ำต้นไม้จนชุ่มโชก
อย่าให้มีน้ำขังที่จานรองกระถาง
ใส่น้ำยา Lysol ลงในน้ำของโถชักโครก มันจะได้มาดื่มน้ำนั้นไม่ได้ค่ะ
บางที่แมลงสาบชุมมากๆ อาจต้องใส่น้ำยา Lysol ที่รางระบายน้ำนอกบ้านอีกด้วย


               3.ทำลายที่ซ่อนของมัน เช่น
เก็บกวาดบริเวณรอบบ้าน อย่าให้มีกองไม้ เศษวัสดุก่อสร้าง ของเหลือใช้ที่สุมๆกันไว้
จัดการกับกองกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ จะขาย หรือให้ใครพับถุงก็เอาเลยค่ะ
โรยผง boric acid ไว้ตามซอกมุม ร่อง รู ต่างๆ ทั้งนอกบ้าน และในบ้าน
รอยแตกตามผนังต้องอุดซ่อมให้หมด เพราะมันสามารถบีบตัวลอดเข้ามาได้แม้ช่องเล็กๆแค่ 1.6 มิลลิเมตรก็เถอะ
อุดรูระบายของอ่างล้างจาน ท่อระบายน้ำต่างๆทุกคืน
รักษาความสะอาดห้องเก็บของ ห้องครัว ห้องใต้บันได ให้โปร่ง และสะอาด


               4.วิธีสุดท้ายคือ สังหาร
ใช้สารเคมี ที่มีชื่อทางการเช่น diazinon, chlorpyrifos, hydromethylnon, abamectin ที่มีขายทั้งแบบสเปรย์ฉีด หรือ เหยื่อกำจัดแมลงสาบเป็นตลับดำๆ ที่
มีอาหารของมันผสมยาฆ่าแมลงอยู่ข้างใน ถ้ามันกินเข้าไปแล้วจะตายค่ะ


               แต่บางตัวมันก็ฉลาดนะคะ ไม่ยอมมากิน พวกฉลาดๆที่เหลืออยู่นี่ มันก็จะออกลูกออกหลานต่อไปค่
อีกวิธีหนึ่งคือ สังหารโหด แบบวิสามัญฆาตกรรม วิธีนี้ดูจะเป็นการทำบาปอยู่สักหน่อยนะคะ อาวุธที่ใช้ได้แก่ ไม้กวาด หรือ ม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์ ฟาดเปรี้ยงลงไป ถ้าเห็นตัวมัน ใครมือแม่นๆได้ผลดีค่ะ
ส่วนใหญ่งานนี้มักเป็นของพ่อบ้านนะคะ แม่บ้านมักปล่อยให้พ่อบ้านตกนรกไปตามลำพังค่ะ


               สุดท้าย อย่าลืมว่า ขบวนการกำจัดแมลงสาบ (โดยเฉพาะที่บ้านของคนไข้โรคภูมิแพ้ ) ต้องดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
เพราะแมลงสาบ 1 ตัวในวันนี้ จะแพร่พันธุ์ออกลูกออกหลานได้เป็นหมื่น เป็นแสนตัว ในช่วงเวลา 1 ปี เท่านั้น ค่ะ

 
 

        

 
 

               สงวนลิขสิทธิ์ โดย

 
 

               พญ. สิรินันท์ บุญยะลีพรรณ และ ผศ.นพ. เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ

 
 

         

 
 

         

 
 

Copyright©08  allergyasthmathailand.com all rights reserved

 
 

หน้าหลัก l คลินิก l โรคภูมิแพ้ l หนังสือ l ผลิตภัณฑ์ l แพทย์ l แผนที่